วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รถรับจ้างเที่ยวเปล่าอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก



รถรับจ้างเที่ยวเปล่าอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก
รถรับจ้างพิษณุโลก
รถรับจ้างพิษณุโลกรถหกล้อรับจ้างย้ายบ้าน,บริการงานขนส่ง ,รับจัดส่งสินค้า รถรับจ้าง ขน ส่ง ยก ย้าย สิ่งของต่างๆ บริการด้วยความซื่อตรง เราให้บริการ,รถรับจ้างพิษณุโลก ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงท่านคิดจะย้าย คิดถึงรถขนของคิดถึงเราทันที "สมาคมรถรับจ้างไทย" ,รถรับจ้างพิษณุโลกด้วยราคายุติธรรม ไม่แพงอย่างที่ท่านคิด เพียงท่านยกหูหาเราเท่านั้น
มีรถรับจ้างจังหวัดพิษณุโลก นัดล่วงหน้าราคาพิเศษ มีรถล่องทั่วไทย
ยินดีต้อนรับบริการรถรับจ้าง ขนของ ย้ายบ้าน ขน ส่ง ยก ย้าย สิ่งของต่างๆ ราคาถูกมาก มีรถบรรทุกประจำจังหวัดพิษณุโลก
รถบรรทุก
บริการรถรับจ้างพิษณุโลก รถรับจ้าง บริการขนย้าย 6 ล้อ 10 ล้อ ขนของ ขนส่ง ขนย้าย สินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ พนักงานยก รับงานขนย้าย ย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายหอพัก สำนักงาน ออฟฟิศ ท่านใดสนใจหรือมีงานเร่ง งานด่วน สามารถติดต่อเราได้ทันที บริการรถรับจ้าง ตลอด 24 ชั่วโมง มีรถ 6 ล้อ บริการขนย้ายสินค้า พร้อม พนักงานยกของ งานบูธสินค้า งานก่อสร้าง ย้ายบ้าน สำนักงาน โดยทีมงานมืออาชีพมีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ท่านใดสนใจสามารถติดต่อ ทีมงาน สมาคมรถรับจ้างไทย บริการ รถรับจ้างพิษณุโลก  พร้อมทั้งเรายัง บริการ,รถรับจ้างขนของย้ายบ้าน พิษณุโลก ,รถ 10 ล้อรับจ้าง ขนย้ายเพื่องานแสดงโชว์ ออกบูธ ตามสถานที่ต่างๆ  รับผิดชอบงานทุกงาน ตรงต่อเวลา ด้วยการให้บริการด้านรถรับจ้างนานนับสิบปี เรารู้ความต้องการของท่าน เราตอบโจทย์ท่านได้ บริการด้านรถรับจ้าง ทั่วไทย ต้องเราเท่านั้น การขนย้ายสิ่งของเพื่อย้ายบ้านเป็นงานหนัก เพราะมีสิ่งของที่ต้องจัดการเป็นจำนวนมาก บางชิ้นก็มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก บริการรถรับจ้าง 4 ล้อ 6 ล้อ 10 ล้อ พิษณุโลกทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยการบริการรับย้ายของขนของแบบมืออาชีพ มีพนักงานที่เต็มใจในการให้บริการขนย้ายสิ่งของที่จะดูแลเฟอร์นิเจอร์และข้าวของทุกชิ้นให้สามารถไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้าน ย้ายหอพักสำหรับนักเรียนและนักศึกษา หรือแม้แต่การย้ายสำนักงาน
รถกระบะ
การบริการรถบรรทุกจังหวัดพิษณุโลกเป็นการบริการรถบรรทุกที่มีทั้งขนาด 10 ล้อ และ 6 ล้อไว้คอยบริการแก่ลูกค้าของเรา โดยการบริการของเรานั้นมีลูกค้าที่ได้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะความเป็ฯมืออาชีพ และการใส่ใจในรายละเอียดของเรานั้นทำให้เราเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า เมื่อไหร่ที่ลุกค้ามีความต้องการที่จะใช้งานรถบรรทุกนั้นเราจะเป็นอันดับหนึ่งที่ลูกค้าของคำนึงถึง และมีความต้องการที่จะใช้งานบริการรถบรรทุกของเราทันที

รถ6ล้อ
รถรับจ้าง,รถหกล้อรับจ้าง,รถสิบล้อรับจ้าง,รับจ้างย้ายบ้านพิษณุโลก
บริการรถสิบล้อรับจ้างทั่วไปในจังหวัดพิษณุโลก เราคือผู้ให้บริการรถสิบล้อรับจ้างวิ่งงานทั่วราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นงานขนส่งขนย้าย เคลื่อนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ในแบบใดก็ตามเราสามารถให้ความช่วยเหลือท่านได้ทั้งสิ้น เราคือผุ้ที่ให้บริการทุกท่านด้วยความเป็นกันเอง ไม่ว่าท่านจะขนย้าย ขนส่ง ขนของ หรือวิ่งงานส่งของหรือรับส่งพนักงานหรือนักเรียนท่านก็สามารถติดต่อเราเข้ามาได้ครับ เราภูมิใจและให้บริการท่านด้วยความยินดีและเต็มใจตลอดมา และรับรองในความพึงพอใจและความปลอดภัยครับ

บริการรถรับจ้างคลอบคลุมทุกอำเภอในจังหวัดพิษณุโลก


รถสิบล้อ
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอชาติตระการ
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอนครไทย
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอเนินมะปราง
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอบางกระทุ่ม
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอบางระกำ
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอวังทอง
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอวัดโบสถ์
รถรับจ้างเที่ยวเปล่า อำเภอเมืองพิษณุโลก



บริการถรับจ้างทั่วไปในจังหวัดพิษณุโลกเราคือหนึ่งในผู้ให้บริการรถรับจ้างทั่วราชอาณาจักรในประเทศไทยหากคุณต้องการรถรับจ้างสักคันจะเป็นคนเล็กคัยใหญ่รถกระบะรถหกล้อรถสิบล้อรถเครนรถยกรถสไลด์รถพ่วงรถลากฯลฯเรามีไว้ให้บริการทุกท่านทั้งสิ้นฉะนั้นท่านอย่ารีรอเลยครับส่วนเรื่องราคานั้นเราให้บริการทุกท่านด้วยราคาที่เป็นกันเองและมาตรฐานราคาในบริการขนส่งอย่างแน่นอนเรารับประกันครับ


บริการรถหกล้อรับจ้างจังหวัดพิษณุโลก

บริการรถหกล้อรับจ้างจังหวัดนี้ไม่เคยทำให้ลูกค้าคนไหนต้องผิดหวังและอารมณ์เสียเลย บางคนอาจจะเคยเจอบางบริษัทที่ทำงานช้าอาจจะเป็นเพราะพนักงานขับรถหกล้อของเขาผ่านประสบการณ์หรือผ่านการทำงานมาน้อยมากหรืออาจจะเป็นเพราะเขาถ่วงเวลาการทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้แต่บริษัทนี้ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอย่างแน่นอนเพราะพนักงานของเขาทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ซื่อสัตย์และขยันทำงานเป็นมืออาชีพจนทำให้คุณนั้นต้องประทับใจและปลื้มของเขาอย่างแน่นอน


บริการรถกระบะ4ล้อรับจ้างจังหวัดพิษณุโลก

           ถ้าท่านกำลังมองหารถกระบะรับจ้างอยู่ผมมีมาแนะนำอยู่หนึ่งแห่งบริการรถกระบะรับจ้างจังหวัดนี้ที่นี่เขาให้บริการในราคาที่เป็นกันเองและพนักงานของที่นี่ยังเป็นมืออาชีพพูดจาดีและรถกระบะทุกคันที่ให้บริการสภาพแข็งแรงดีพนักงานขับรถก็มีประสบการณ์รับรองว่าบริการของที่ประทับใจท่านแน่นอนบริการรถกระบะรับจ้างที่นี่รับรองความปลอดภัยอย่างแน่นอนส่วนเรื่องราคานั้นไม่ต้องเป็นกังวลเลยเพราะราคานั้นไม่แพงอย่างที่คุณกำลังคิดแน่นอนและยังมีหลายสาขาอีกด้วยเปิดให้บริการตลอดเวลา



รถขนส่งจุดที่ 1 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เชียงราย
รถขนส่งจุดที่ 2 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เชียงใหม่ 
รถขนส่งจุดที่ 3 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง น่าน 
รถขนส่งจุดที่ 4 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พะเยา 
รถขนส่งจุดที่ 5 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง แพร่ 
รถขนส่งจุดที่ 6 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง แม่ฮ่องสอน 
รถขนส่งจุดที่ 7 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ลำปาง 
รถขนส่งจุดที่ 8 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ลำพูน 
รถขนส่งจุดที่ 9 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อุตรดิตถ์ 
รถขนส่งจุดที่ 10 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง จันทบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 11 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ฉะเชิงเทรา 
รถขนส่งจุดที่ 12 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ชลบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 13 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ตราด 
รถขนส่งจุดที่ 14 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ปราจีนบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 15 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ระยอง 
รถขนส่งจุดที่ 16 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สระแก้ว 
รถขนส่งจุดที่ 17 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง กาฬสินธุ์ 
รถขนส่งจุดที่ 18 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ขอนแก่น 
รถขนส่งจุดที่ 19 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ชัยภูมิ 
รถขนส่งจุดที่ 20 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นครพนม 
รถขนส่งจุดที่ 21 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นครราชสีมา 
รถขนส่งจุดที่ 22 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง บึงกาฬ 
รถขนส่งจุดที่ 23 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง บุรีรัมย์ 
รถขนส่งจุดที่ 24 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง มหาสารคาม 
รถขนส่งจุดที่ 25 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง มุกดาหาร 
รถขนส่งจุดที่ 26 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ยโสธร 
รถขนส่งจุดที่ 27 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ร้อยเอ็ด 
รถขนส่งจุดที่ 28 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เลย 
รถขนส่งจุดที่ 29 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สกลนคร 
รถขนส่งจุดที่ 30 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สุรินทร์ 
รถขนส่งจุดที่ 31 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ศรีสะเกษ 
รถขนส่งจุดที่ 32 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง หนองคาย 
รถขนส่งจุดที่ 33 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง หนองบัวลำภู 
รถขนส่งจุดที่ 34 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อุดรธานี 
รถขนส่งจุดที่ 35 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อุบลราชธานี 
รถขนส่งจุดที่ 36 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อำนาจเจริญ 
รถขนส่งจุดที่ 37 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง กำแพงเพชร 
รถขนส่งจุดที่ 38 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ชัยนาท 
รถขนส่งจุดที่ 39 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นครนายก 
รถขนส่งจุดที่ 40 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นครปฐม 
รถขนส่งจุดที่ 41 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นครสวรรค์ 
รถขนส่งจุดที่ 42 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นนทบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 43 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ปทุมธานี 
รถขนส่งจุดที่ 44 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พระนครศรีอยุธยา 
รถขนส่งจุดที่ 45 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พิจิตร 
รถขนส่งจุดที่ 46 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พิษณุโลก 
รถขนส่งจุดที่ 47 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เพชรบูรณ์ 
รถขนส่งจุดที่ 48 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ลพบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 49 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สมุทรปราการ 
รถขนส่งจุดที่ 50 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สมุทรสงคราม 
รถขนส่งจุดที่ 51 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สมุทรสาคร 
รถขนส่งจุดที่ 52 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สิงห์บุรี 
รถขนส่งจุดที่ 53 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สุโขทัย 
รถขนส่งจุดที่ 54 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สุพรรณบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 55 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สระบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 56 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อ่างทอง 
รถขนส่งจุดที่ 57 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง อุทัยธานี 
รถขนส่งจุดที่ 58 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง กระบี่ 
รถขนส่งจุดที่ 59 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ชุมพร 
รถขนส่งจุดที่ 60 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ตรัง 
รถขนส่งจุดที่ 61 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง นราธิวาส 
รถขนส่งจุดที่ 63 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ปัตตานี 
รถขนส่งจุดที่ 64 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พังงา 
รถขนส่งจุดที่ 65 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง พัทลุง 
รถขนส่งจุดที่ 66 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เก็ต 
รถขนส่งจุดที่ 67 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ระนอง 
รถขนส่งจุดที่ 68 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สตูล 
รถขนส่งจุดที่ 69 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง งขลา 
รถขนส่งจุดที่ 70 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง สุราษฎร์ธานี 
รถขนส่งจุดที่ 71 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ยะลา  
รถขนส่งจุดที่ 72 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง กาญจนบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 73 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ตาก 
รถขนส่งจุดที่ 74 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ประจวบคีรีขันธ์ 
รถขนส่งจุดที่ 75 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง เพชรบุรี 
รถขนส่งจุดที่ 76 รถรับจ้างขนส่ง พิษณุโลก ไปถึง ราชบุรี 

แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก
แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก http0817684439.blogspot.com

แผนที่ตัวเมืองพิษณุโลก
แผนที่ตัวเมืองพิษณุโลก  http0817684439.blogspot.com
พิษณุโลก เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย หรือภาคเหนือตอนล่าง มีประชากรในปี พ.ศ. 2558 จำนวน 863,404 คน[2]มีพื้นที่ 10,815.854 ตารางกิโลเมตร มีเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นเมืองศูนย์กลางของจังหวัดและเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยขอม โดยมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันในศิลาจารึก ตำนาน นิทาน และพงศาวดาร เช่น สองแคว, สองแควทวิสาขะ และไทยวนที[ต้องการอ้างอิง]
เดิมเมืองพิษณุโลกเป็นเมืองเก่าสมัยขอม อยู่ห่างจากที่ตั้งเมืองปัจจุบันลงไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร เรียกว่า "เมืองสองแคว" ที่เรียกเช่นนี้ เพราะตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำน่าน กับแม่น้ำแควน้อย แต่ปัจจุบันแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนทางเดินออกห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 10 กิโลเมตร
ที่ตั้งตัวเมืองเก่าในปัจจุบันคือ บริเวณวัดจุฬามณี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของพิษณุโลก แต่เมื่อประมาณพุทธศักราช 1900 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ได้โปรด ให้ย้ายเมืองสองแคว มาตั้งอยู่ ณ บริเวณตัวเมืองในปัจจุบัน และยังคงเรียกกันติดปากว่า เมืองสองแคว เรื่อยมา

เนื้อหา

  

ศัพท์มูลวิทยา

ชื่อของจังหวัดมาจากคำว่า พิษณุ หมายถึง "พระวิษณุ" เทพตามความเชื่อของชาวฮินดู รวมกับคำว่า โลก ทำให้มีความหมายเป็น "โลกแห่งพระวิษณุ" ในสมัยที่ยังปกครองด้วยระบบมณฑลเทศาภิบาล ชื่อของจังหวัดนั้นสะกดว่า พิศณุโลก[3]

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

ประวัติศาสตร์

สมัยสุโขทัย

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
เมืองสองแควอยู่ในอำนาจของราชวงศ์ผาเมือง จนกระทั่งในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงได้ยึดเมืองสองแคว
ครั้นสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ได้เสด็จมาประทับที่เมืองสองแคว พระองค์ได้เอาพระทัยใส่ทำนุบำรุงนำความเจริญเป็นอย่างยิ่ง เช่น การสร้างเหมืองฝาย สนับสนุนให้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูก สร้างทางคมนาคมจากเมืองพิษณุโลกไปเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เพื่อประดิษฐานไว้ใน พระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่)

สมัยอยุธยา

เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จกรีธาทัพมาหมายจะชิงสุโขทัยซึ่งพระยายุทธิษฐิระ (พระอนุชาของพระองค์) ได้ไปสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา พระองค์จึงทรงสร้างเมืองใหม่บริเวณเมืองสองแควและเมืองชัยนาท ขนานนามว่า เมืองพระพิษณุโลกสองแคว สำหรับการที่เรียกว่าพระพิษณุโลกสองแควนั้น คาดว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงแปลงคำจาก สรลวงสองแคว, สรลวง มีความหมายว่า สรวง คือ พระวิษณุ (พระนารายณ์) [4] โดยทรงหมายมั่นให้เป็นราชธานีฝ่ายเหนือคู่กับกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
พิษณุโลกสมัยอยุธยามีความสำคัญยิ่งทางด้านการเมืองการปกครอง ยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม พิษณุโลกเป็นราชธานีในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ตั้งแต่ พ.ศ. 2006-พ.ศ. 2031 รวม 25 ปี นับว่าระยะนี้เป็นยุคทองของพิษณุโลก[ต้องการอ้างอิง]
ในสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช ณ เมืองพิษณุโลก ระหว่าง พ.ศ. 2112-พ.ศ. 2133 ได้ทรงปลุกสำนึกให้ชาวพิษณุโลกเป็นนักกอบกู้เอกราชเพื่อชาติไทย[ต้องการอ้างอิง] ทรงสถาปนาพิษณุโลกเป็นเมืองเอก เป็นการประสานต่อความเจริญรุ่งเรืองจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ด้านเศรษฐกิจ

เนื่องจากพิษณุโลกตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างรัฐ คือ อาณาจักรล้านนาทางเหนือกับกรุงศรีอยุธยาในทางใต้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐทั้งสองบางครั้งเป็นไมตรีกันบางครั้งขัดแย้งกัน ทำสงครามต่อกัน มีผลให้เมืองพิษณุโลกได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมประเพณีทั้ง 2 รัฐ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจพิษณุโลกเป็นเส้นทางสินค้าของป่า และผลิตผลทางการเกษตร รวมทั้งเครื่องถ้วย โดยอาศัยการคมนาคมผ่านลำน้ำน่านสู่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งขณะนั้นเป็นศูนย์กลางของการค้านานาชาติแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปัจจุบันที่พิษณุโลก มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องถ้วยคุณภาพดี ซึ่งมีอยู่ทั่วไปบริเวณฝั่งแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย โดยเฉพาะที่วัดตาปะขาวหาย พบเตาเผาเครื่องถ้วยเป็นจำนวนมาก พร้อมเครื่องถ้วยจำพวกโอ่ง อ่าง ไห ฯลฯ เครื่องถ้วยเหล่านี้ นอกจากจะใช้ในท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศด้วย วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นับว่าเมืองพิษณุโลกมีความสำคัญยิ่งทางเศรษฐกิจ คือเป็นแหล่งทรัพยากรของกรุงศรีอยุธยา[ต้องการอ้างอิง]

ด้านศาสนา

แม้ว่าเมืองพิษณุโลกจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามระหว่างอยุธยากับล้านนาและอยุธยากับพม่ามาตลอด แต่การศาสนาก็มิได้ถูกละเลย ดังปรากฏหลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานชี้ให้เห็นชัดเจนว่า พระพุทธรูปและวัดปรากฏในปัจจุบันเช่น พระพุทธชินราชพระพุทธชินศรี พระศรีศาสดา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) วัดจุฬามณี วัดอรัญญิก วัดนางพญา วัดราชบูรณะ วัดสระแก้วปทุมทอง วัดเจดีย์ยอดทอง วัดสุดสวาสดิ์ และวัดวังหิน ล้วนเป็นศิลปวัฒนธรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือมิฉะนั้นก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ของเดิมที่มีมาครั้งกรุงสุโขทัย แสดงว่าด้านพระศาสนาได้มีการบำรุงมาโดยตลอด
ในปัจจุบัน ทั้งพระพุทธชินศรีและพระศรีศาสดาได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่กรุงเทพมหานคร มีเรื่องเล่ากันว่า จากเดิมจะอัญเชิญพระพุทธชินราชมาด้วย แต่เมื่อเอาลงแพ เตรียมที่จะล่องลำน้ำน่านนั้น แพก็ไม่ยอมเคลื่อนที่ แม้จะตรวจเท่าไร ก็ไม่พบว่าแพติดอะไร แต่แพที่ใช้ในการย้ายก็ไม่ยอมไหลตามน้ำ จึงทำการบวงสรวงขอขมา แล้วนำขึ้นมาประดิษฐานไว้ตามเดิมจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่า ท่านเป็นห่วงเมืองของท่าน จะอยู่ปกป้อง[ต้องการอ้างอิง]
ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารวัดจุฬามณีขึ้นในปี พ.ศ. 2007 และพระองค์ได้ทรงสละราชสมบัติออกผนวช ณ วัดจุฬามณี อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2008 เป็นเวลา 8 เดือน 15 วัน มีข้าราชบริพารตามเสด็จออกบวชถึง 2,348 คน[ต้องการอ้างอิง] และในปี พ.ศ. 2025 มีพระบรมราชโองการให้บูรณะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุและให้มีการสมโภชถึง 15 วัน พร้อมกันนั้นได้โปรดให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวง จบ 13 กัณฑ์บริบูรณ์ด้วย ต่อมาในสมัยรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทรงสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองเมื่อ พ.ศ. 2222 และโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ วัดจุฬามณี พร้อมทั้งจารึกเหตุการณ์สำคัญทางศาสนาในสมัยพระบรมไตรโลกนาถไว้บนแผ่นศิลาด้วย
ในส่วนของวัดสุดสวาทดิ์นั้น ว่ากันว่าเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างในสมัยเดียวกับวัดนางพญา โดยวัดสุดสวาทดิ์นั้นเป็นวัดที่กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองพิษณุโลกสร้างให้กับมเหสีที่รักมากที่สุด จึงตั้งชื่อให้ว่า "สุดสวาท" และมีการสร้างพระนางสุดสวาสดิ์ขึ้นมาด้วย พุทธคุณเท่ากับพระนางพญา วัดนางพญา[ต้องการอ้างอิง]
ในส่วนของวัดวังหินนั้น ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านการทหารในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัดที่ใช้ในการจัดทัพและปลุกขวัญกำลังใจให้กับทหาร กำลังพลก่อนที่จะทำการออกศึก โดยวัดนี้ ก็มีการจัดสร้างพระเครื่องที่เชื่อกันว่าถูกสร้างโดยพระนเรศวรด้วย คือ ลีลาวังหิน โดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี[ต้องการอ้างอิง]

สมัยกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเห็นว่าพิษณุโลกเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ควรมีผู้ที่เข้มแข็งที่มีความสามารถเป็นเจ้าเมือง จึงทรงแต่งตั้งเจ้าพระยายมราช (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชสำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกโดยขึ้นต่อกรุงธนบุรี เมื่อได้ทรงแต่งตั้งผู้ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือจนครบถ้วนแล้ว จึงเสด็จกลับไปยังกรุงธนบุรี
พ.ศ. 2318 อะแซหวุ่นกี้ แม่ทัพพม่าผู้ชำนาญการรบ ได้วางแผนยกทัพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทย ตีได้เมืองตาก เมืองสวรรคโลก บ้านกงธานี และมาพักกองทัพอยู่ที่กรุงสุโขทัย ขณะนั้นเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์กำลังยกกองทัพขึ้นไปตีเชียงแสน เมื่อทราบข่าวข้าศึก จึงรีบยกทัพกลับมารับทัพพม่าที่เมืองพิษณุโลก ก่อนที่อะแซหวุ่นกี้ยกทัพมาตั้งค่ายล้อมเมืองพิษณุโลก
กองทัพพม่าพยายามเข้าตีค่ายไทยหลายครั้ง แต่เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ช่วยป้องกันเมืองเป็นสามารถ ทั้งที่ทหารน้อยกว่าแต่ไม่สามารถชนะกันได้ อะแซหวุ่นกี้ถึงกับกล่าวยกย่องแม่ทัพฝ่ายไทย เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงทราบข่าวอะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพใหญ่มาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทย จึงทรงยกทัพใหญ่ขึ้นไปช่วยทันที ฝ่ายอะแซหวุ่นกี้ทราบข่าวว่ากองทัพไทยมาตั้งค่ายเพื่อช่วยเหลือเมืองพิษณุโลก จึงแบ่งกำลังพลไปตั้งมั่นที่วัดจุฬามณีฝั่งตะวันตก อะแซหวุ่นกี้เห็นว่าถ้าชักช้าไม่ทันการณ์จึงสั่งให้ทัพพม่าที่กรุงสุโขทัยไปตีเมืองกำแพงเพชร ส่วนกองทัพเมืองกำแพงเพชรไปตีเมืองนครสวรรค์ และสั่งให้กองทัพพม่าอีกกองทัพหนึ่งยกไปตีกรุงธนบุรี การวางแผนของอะแซหวุ่นกี้เช่นนี้ เป็นการตัดกำลังฝ่ายไทยไม่ให้ช่วยเมืองพิษณุโลกและต้องการให้กองทัพไทยระส่ำระสาย
ในที่สุดสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระราชดำริเห็นว่า ไทยเสียเปรียบเพราะมีกำลังทหารน้อยกว่า จึงควรถอยทัพกลับไปตั้งมั่นรับทัพพม่าที่กรุงธนบุรี เจ้าพระยาจักรีเห็นว่าไทยขาดเสบียงอาหารและใกล้จะหมดทางสู้ จึงตัดสินใจพาไพร่พลและประชาชนชายหญิงทั้งหมด ตีหักค่ายพม่าออกจากเมืองพิษณุโลกไปทางทิศตะวันออกได้สำเร็จ พาทัพผ่าน บ้านมุง บ้านดงชมพู ข้ามเขาบรรทัด ไปตั้งรวมรี้พลอยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์
พม่าล้อมเมืองพิษณุโลกนานถึง 4 เดือน เมื่อเข้าเมืองได้ ก็พบแต่เมืองร้าง อะแซหวุ่นกี้จึงสั่งเผาผลาญทำลายบ้านเมืองพิษณุโลกพินาศจนหมดสิ้น คงเหลือเฉพาะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเท่านั้น[ต้องการอ้างอิง]

สมัยรัตนโกสินทร์

เมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองเอกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทย มีประชากรประมาณ 55,000 คน เป็นชาวจีนประมาณ 1,112 คน และมีเมืองต่าง ๆ อยู่ในอำนาจการปกครองดูแลหลายหัวเมืองด้วยกัน เช่น เมืองนครไทย ไทยบุรี ศรีภิรมย์ พรหมพิราม ชุมสรสำแดง ชุมแสงสงครามพิพัฒน์ นครชุมทศการ นครพามาก เมืองการ เมืองคำ[ต้องการอ้างอิง]ประชาชนส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพสำคัญ คือ ทำนา ทำไร่ หาของป่า และทำไม้
พ.ศ. 2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระอุตสาหะเสด็จประพาสเมืองเหนืออีกครั้งหนึ่ง โดยเสด็จทางเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะนั้นกำลังผนวชเป็นสามเณรก็ได้ตามเสด็จมาด้วย เมื่อเสด็จถึง ก็ได้ทรงประทับและทรงสมโภชพระพุทธชินราชอยู่ 2 วันจึงเสด็จกลับ ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช) ได้เสด็จประพาสเมืองพิษณุโลกทุกพระองค์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ที่พระองค์ได้เสด็จไปทอดพระเนตรในระหว่างเสด็จประพาส เช่น เรื่องเที่ยวเมืองพระร่วง พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราชและเรื่องลิลิตพายัพ เป็นต้น เอกสารดังกล่าวเหล่านี้ปัจจุบันมีคุณค่าอย่างยิ่งทางด้านประวัติศาสตร์ ส่วนรัชกาลที่ 5 นั้น พระองค์ทรงประทับพระทัยในความศักดิ์สิทธิ์และความสวยงามขององค์พระพุทธชินราช ถึงกับโปรดเกล้าฯ ให้จำลองพระพุทธรูปพระพุทธชินราชไปเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้นในสมัยนั้น
ครั้งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง สะพานข้ามแม่น้ำน่านหน้าวัดใหญ่ก็ถูกทิ้งระเบิด แต่ทิ้งเท่าไหร่ก็ไม่ถูกเป้าหมาย[ต้องการอ้างอิง] ทั้ง ๆ ที่ในอดีต เป็นสะพานไม้ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก[ต้องการอ้างอิง]

ภูมิศาสตร์

ที่ตั้งและอาณาเขต

จังหวัดพิษณุโลกตั้งอยู่ภาคเหนือตอนล่างและอยู่ในเขตภาคกลางตอนบนสุดของประเทศไทย เรียกกันว่า "เหนือล่างกลางบน" ห่างจากกรุงเทพมหานคร 368 กม. มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 10,815 ตร.กม. หรือ 6,759,909 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือติดต่อกับ อำเภอพิชัย อำเภอทองแสนขัน และอำเภอน้ำปาด (จังหวัดอุตรดิตถ์) และแขวงไชยบุรี ประเทศลาว
ทิศใต้ติดต่อกับ อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอวชิรบารมี อำเภอสามง่าม และอำเภอสากเหล็ก (จังหวัดพิจิตร)
ทิศตะวันออกติดต่อกับ อำเภอหล่มสัก อำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง (จังหวัดเพชรบูรณ์อำเภอด่านซ้าย และอำเภอนาแห้ว (จังหวัดเลย)
ทิศตะวันตกติดต่อกับ อำเภอกงไกรลาศ อำเภอศรีสำโรง (จังหวัดสุโขทัย) และอำเภอลานกระบือ (จังหวัดกำแพงเพชร)



[/gmaps]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น